ประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นจากการทำหน้าที่ของคนที่เรียกตัวเองว่าสื่อมวลชนนั้น ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นมาจากกรณีที่มีนักข่าวหลายช่องหลายสำนัก ยกโขยงไปวัดแห่งหนึ่ง เพื่อบุกกุฏิทำภารกิจล่อซื้อ พระชั้นผู้ใหญ่ที่อายุร่วมๆ ร้อยปีที่สภาพสังขารแทบจะไม่รับรู้อะไรแล้ว และมีอาการป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ โดยเข้าไปพร้อมกับหมอผีชื่อดังผู้ที่มีแสง ณ เวลานี้ ที่พยายามสร้างคอนเทนต์ให้ตัวเองเป็นที่สนใจอยู่ตลอดเวลา
.
ประเด็นก็คือว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น เป็นการยกโขยงกันไปในพื้นที่ส่วนบุคคลของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจทางกฎหมายนำเข้าไป แถมยังมีความพยายามบังคับให้ผู้ซึ่งครอบครองพื้นที่ดังกล่าวพูดไปในทางที่พยายามให้ข้อมูลที่ตรงกับธงของผู้สื่อข่าว หรือพูดง่ายๆ คือ ให้ยอมรับว่ากระทำผิดทั้งๆ ที่บุคคลนั้นไม่ได้ทำผิดอะไร
.
จริงๆ แล้วเรื่องการบุกรุกสถานที่ของผู้อื่น แทบจะเป็นเรื่องพื้นฐานที่ควรรับรู้เลยด้วยซ้ำว่า มันทำได้หรือไม่ ซึ่งจริงๆ แล้วก็แทบจะทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ หากว่าไม่ใช้เจ้าหน้าที่ที่มีหมายค้นถือเข้าไปด้วย
.
ส่วนตัวสื่อ และหมอผีคนนี้ก็ไม่ได้มีอำนาจตามกฎหมายใดๆ ที่จะไปบุก รื้อ ค้น ด้วยซ้ำ ต่อให้จะอ้างว่าต้องทำเพื่อสังคมก็ตามแต่มันก็ฟังไม่ขึ้นอยู่ดี
.
หากว่าด้วยตามหลักกฎหมาย ความผิดฐานบุกรุกเคหสถาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364 การทีบุคคลภายนอกบุกเข้าไปในเคหสถาน ซึ่งในความหมายตามราชบัณฑิตฯ ระบุว่าเป็นสถานที่ส่วนบุคคล ไม่ใช่สถานที่สาธารณะ กุฎิพระก็อยู่ในขอบข่ายนี้เช่นกัน
.
ฉะนั้นการบุกรุกเคหสถานตามนัยมาตรา 1(4) แห่งประมวลกฎหมายอาญา การลักทรัพย์ในบริเวณกุฏิพระจึงเป็นความผิดตามมาตรา 335( (ฎีกาที่ 2014/2536)
.
ยิ่งเข้าไปแล้วเจ้าของสถานที่ไล่ออกมาแล้วไม่ยอมออก ก็เป็นความผิดฐานบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364 อีกด้วย
.
ก็จงรู้เอาไว้ว่า ใช่ว่าเป็นสื่อ หรือเป็นคนดังในสังคมก็ไม่สามารถทำอะไรโดยไม่แคร์กฎหมายได้ ถ้าเจ้าของสถานที่ฟ้องขึ้นมายังไงก็ผิดขึ้นทั้งล่อง
.
╔═══════════╗
 ปัญหาเกี่ยวกับคดีความอยากได้คำตอบเพื่อหาทางออก ปรึกษากับทนายความของเราแบบรวดเร็วทันใจ ไม่ว่าจะคดีเล็ก หรือคดีใหญ่ สามารถ inbox มาปรึกษาได้ ทนายออนไลน์ยินดีรับคำปรึกษาจากทุกท่าน
╚═══════════╝