จะใจดีไปเป็นตัวแทนยืมเงินให้ใครต้องระวัง
เพราะคนที่อาจโดนฟ้องไม่ใช่คนได้เงิน แต่เป็นเรา
.
เคยได้ยินไหมกับคำพังเพยที่ว่า “เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด” มันใช้ได้ทุกสถานการณ์ ทุกยุค ทุกสมัยจริงๆ นะ โดยเฉพาะกับคนขี้ใจอ่อน ขี้สงสารคนอื่น จะเป็นญาติ เป็นพี่น้อง หรือเป็นเพื่อนฝูง เรื่องเงินๆ ทองๆ เนี่ยทำให้ผิดใจกันมานักต่อนักแล้ว
.
โดยเฉพาะคนที่ต้องไปบากหน้าขอยืมเงินของอีกคน เพื่อให้กับอีกคน ไม่ใช่ตัวเรา ที่แม้ว่าเขาสองคนจะเคยสนิทชิดเชื้อกันมาก่อน เช่น เคยเป็นอดีตผัวเมียกัน แต่สุดท้ายได้แยกทางหย่าร้างกันแล้ว ในทางกฎหมายถือว่าคนทั้งคู่กลายเป็นคนอื่น เป็นที่เรียบร้อย
.
มีกรณีหนึ่งที่มาปรึกษากับทางทนาย ที่น่าจะนำมาเป็นอุทาหรณ์เตือนใจสายขี้สงสารได้ดี เมื่อแม่ของลูกเพจมาปรึกษากับทนายไปยืมเงินจาก ลุงคนหนึ่ง ซึ่งจริงๆ ก็เป็นคนที่รู้จักมักจี่กัน เงินก็ไม่น้อยนะหลักแสนเลยแหละ เพื่อที่จะนำเงินที่ยืมไปให้กับ เพื่อนของแม่ที่เคยเป็นอดีตภรรยาของลุงคนนั้น แต่มีการหย่าร้างกันไปแล้ว ซึ่งผู้ที่ให้ยืมก็คือคนเป็นลุงไม่รู้ว่าแม่ของลูกเพจจะเอาเงินไปให้ใคร รู้แค่ว่าคนที่ยืมคือแม่ ทีนี้ลุงคนนั้นต้องการจะเอาเงินคืนแล้ว แต่ทางเพื่อนแม่ก็ยืนยันว่าจะคืน แต่ยังไม่คืนสักที จนสุดท้ายลุงจะฟ้องแม้ของลูกเพจ เพราะมีการทำสัญญากู้ยืมไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ลงชื่อกันทั้งผู้ให้กู้ยืมและผู้ยืม
.
คำถามคือแม่ของลูกเพจจะทำอย่างไรดี เพราะเขาจะฟ้องแม่ ทนายก็ได้ให้คำปรึกษาไปว่า ในเมื่อสัญญากู้ยืมนั้นสมบูรณ์ด้วยกฎหมายแล้ว เพราะว่าแม่ของลูกเพจเป็นผู้รับเงินและเป็นผู้ลงลายมือชื่อในสัญญาด้วย ดังนั้นลุงมีสิทธิ์ที่จะฟ้องแม่ของลูกเพจได้
.
ทางออกที่แนะนำได้ และอยากให้ลูกเพจคุยกับแม่และเพื่อนของแม่ ที่เป็นอดีตภรรยาของลุงก็คือ ให้เพื่อแม่ต้องมาทำหนังสือรับสภาพหนี้หรือทำสัญญากู้กับลุง แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าลุงจะยอมทำหรือไม่ด้วยนะ ซึ่งแม่จะต้องคุยกับลุงดีๆ
.
เพราะถ้าไม่ยอมให้เพื่อนแม่ทำสัญญา ประกอบถ้าลุงไม่ยอม แม่ของลูกเพจจะถูกฟ้องแล้วตกเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อไม่ชำระหนี้ให้ลุง ลุงก็มีสิทธิ์ฟ้องยึดทรัพย์ที่เป็นชื่อคุณแม่ขายทอดตลาดได้
.
การู้ยืมเป็นสัญญาทางแพ่งไม่ใช่ความผิดคดีอาญา ไม่สามารถที่จะร้องทุกข์ดำเนินคดีได้ นอกจากว่าภรรยาลุง ได้แสดงข้อความเป็นเท็จหลอกลวงคุณแม่ของลูกเพจ จึงจะมีความผิดอาญา
.
และการหลอกลวงต้องมีเจตนาชัดเจน ลักษณะได้เงินแล้วติดต่อไม่ได้เลย แต่ตามข้อเท็จจริงภรรยาลุงยังมีความประสงค์ที่จะชำระหนี้คืนอยู่จึงยังไม่เขาความผิดฐานฉ้อโกง
.
ดังนั้นให้แม่ไปเจรจากับทั้งเพื่อแม่ และลุงในการทำสัญญากู้ยืมระหว่างกันโดยตรงเสีย อย่าให้ภาระมาตกที่เราทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นคนใช้เงินนี้ และก็ต้องจำเป็นบทเรียนไว้เลยว่าอย่าเป็นหนังหน้าไฟ ไปรับปัญหาของใครอีก โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทอง ไม่เช่นนั้นเราเองนั่นแหละที่จะเดือดร้อน
.
 หาใครมีปัญหาเกี่ยวกับคดีความแล้วอยากปรึกษาเพื่อหาทางออกกับทนายความแบบรวดเร็วทันใจ ไม่ว่าจะคดีเล็ก หรือคดีใหญ่ ก็ทัก inbox มาปรึกษาได้ ทนายออนไลน์ยินดีรับคำปรึกษาจากทุกท่าน